โปรดทราบ

ร่วมแจ้งข่าวสารต่าง ๆ อันเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน "เมืองแกลงนิวส์" ได้ที่ muangklangnews@gmail.com เพื่อที่กองบรรณาธิการข่าวจะได้พิจารณานำเผยแพร่ต่อไป

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เมืองแกลงเขยิบขึ้นชั้นการบดย่อยผลไม้เปลือกแข็งได้แล้ว...ตัดตอนการขนไปทิ้งถ่ายเดียว...พบเหมาะเป็นปุ๋ยช่วยดินมีรูพรุนร่วนซุยมากขึ้น

เปลือกทุเรียน เปลือกขนุน ทั้งแข็ง ทั้งหนา
       สถานการณ์ทุเรียนระยองวันนี้...เรื่องปลูกเพิ่มเงียบสนิท ที่ปลูกเพิ่มเอา ๆ คือ ยาง และปาล์มน้ำมัน...ขอทำนายแบบไม่ต้องคิดว่า...ราคาทุเรียนต้องดีขึ้น...(เพราะการปลูกลดลง ค่าปุ๋ย ค่าไฟ ค่าน้ำมันแพงขึ้น) 

       ในแต่ละปี ฤดูทุเรียนออกสู่ตลาด จะออกไล่ ๆ กับลองกอง มังคุด เงาะ ด้วยเหตุดังกล่าว จึงมีผลไม้ให้เลือกในเวลาเดียวกันอยู่หลายชนิด...ตลาดจึงดูเหมือนจะเป็นของพ่อค้าแม่่ค้า และผู้ซื้อไปโดยปริยาย ราคาตกกันเป็นประจำ

       ผลไม้ข้างต้น ดูแลกันทั้งปี รดน้ำให้ปุ๋ยกันทั้งปี แต่ได้ขายกันอยู่ไม่เกินสองถึงสามเดือน...เวลาซื้อเขาชั่งน้ำหนักรวมเปลือกไปด้วย ก็เพราะมันต้องดูแลกันมารวมทั้งหมดไม่สามารถแยกได้....

เปลือกมะพร้าวทั้งลูก และเปลือกอื่น ๆ เปลี่ยนสภาพหลังบดย่อยแล้ว
       เปลือกเงาะ เปลือกลองกองยังพอว่า เพราะทั้งมีขนาดเล็กและน้ำหนักไม่มาก ผิดกับเปลือกทุเรียน เปลือกขนุน และลูกมะพร้าว ที่ทั้งหนา เปลี่ยนรูปยาก และแข็ง จึงจากสถิติจะพบว่า ปริมาณน้ำหนักขยะเดือนพฤษภาคม มิถุนายนของทุกปีจะสูงกว่าเดือนอื่น ๆ  ก็เพราะเจ้าเปลือกผลไม้ข้างต้นเหล่านี้นี่เอง

ขั้นตอนจากเปลือกสู่กากที่บดย่อยแล้ว มีสองทางเลือก...ทำปุ๋ยหมักกับทำแก๊ส
       น้ำหนักขยะผูกพันกับค่าจัดการขยะ ยิ่งน้ำหนักมากยิ่งเปลืองงบประมาณมาก นี่ข้อหนึ่ง และโดยเหตุที่เปลือกผลไม้ทั้งหลายเหล่านี้มันแฝงต้นทุนค่าน้ำ ค่าปุ๋ย ค่าไฟ ค่าน้ำมันในกระบวนการผลิตเอาไว้ นี่ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ว่า "ทำอย่างไรจึงจะใช้เจ้าผลไม้เปลือกแข็งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์มากกว่าเก็บขึ้นรถขนไปดั๊มพ์ทิ้งในหลุมอย่างเดียว"

เปลือกที่บดย่อยแล้ว ใส่น้ำผสมมากและน้อยระหว่างบดย่อย
สีที่ออกมาจะต่างกันเห็นได้ชัด
       พึงจำไว้เสมอว่า "ในวัสดุธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีความชื้นอมผสมอยู่ ล้วนคือแหล่งพลังงาน" อุปมาดั่งเมล็ดข้าว ใบผัก เนื้อสัตว์ ฯ เป็นต้น  เวลาเรารับประทานสิ่งเหล่านี้ นั่นหมายถึงเรากำลังรับประทาน "แหล่งสะสมพลังงาน" ซึ่งกระบวนการย่อยของร่างกาย จะผลักพลังงานที่สะสมออกมาให้ร่างกายของเราได้ใช้ต่อไป 

       ที่สุดแล้วจึงนำเจ้าผลไม้เปลือกแข็งเหล่านี้ ทั้งเปลือกทุเรียน ขนุน ลองกอง มะพร้าว เข้าเครื่องบดที่มีใบตีที่ทั้งใหญ่ หนา มีน้ำหนัก และคมมาก เพื่อให้มีความละเอียดย่อยสลายได้ง่ายขึ้น ผลการนำเข้าสู่เครื่องย่อยพบว่า...

ลักษณะเปลือกที่บดย่อยแล้ว มีทั้งเศษผลไม้
และกากใย
       เปลือกผลไม้หนาและแข็งเหล่านี้ ไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็น แต่กลายเป็นเศษเปลือกชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีทั้งกาก (ทุเรียน ขนุน ลองกอง) และใย (มะพร้าว) 

       กระบวนการระหว่างย่อย ต้องอาศัย "น้ำ" เป็นตัวช่วยลดความหนืดเหนียว เพราะเปลือกทุเรียน ขนุนมีส่วนผสมหลักเป็นแป้งและน้ำตาล หากใส่น้ำมากจะทำให้บดย่อยดีขึ้น แต่จะเพิ่มน้ำหนักและทำให้กากแห้งช้าลง (สีและลักษณะการจับตัวของเศษที่บดย่อยออกมา ระหว่างให้น้ำมาก และน้ำน้อยจะต่างกันเห็นได้ชัด)

       ขอประเมินจากการหารือร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ว่า ระหว่างนำเศษเปลือกผลไม้ที่บดย่อยนี้ไปหมักทำไบโอแก๊ส กับไปทำปุ๋ยหมัก น่าจะเหมาะกับการทำปุ๋ยหมักมากกว่า เพราะมีกากใยที่จำไปช่วยทำให้ดินมีสภาพร่วนซุยมีรูอากาศเพิ่มได้ แต่หากนำไปทำแก๊ส การบูดเน่าจากเปลือกเหล่านี้น่าจะได้แก๊สมีเทนในปริมาณน้อยกว่าการหมักด้วยเศษอาหารเศษผัก

หน้าตาเครื่องบดย่อยผลไม้เปลือกแข็ง
       จึงระยะนับจากนี้ จะได้แยกเปลือกผลไม้เหล่านี้เพื่อนำกลับไปบำรุงดินในรูปของปุ๋ยหมักให้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของเทศบาลไปได้มากพร้อมกันในตัว  และเมื่อพ้นสิ้นฤดูกาลผลไม้เปลือกแข็งอย่างทุเรียน มังคุดแล้ว ขนุน มะพร้าวจะยังมีให้แยกออกมาได้อีก เพราะเป็นผลไม้ที่ออกได้ทั้งปี มิรวมถึงลูกจากที่วันนี้ยังผ่าเอาลูก แล้วเอาเปลือกโยนทิ้งลงคลองกันอยู่อีกไม่น้อย แม้จะไม่เป็นโทษต่อระบบนิเวศน์คลองนักก็ตาม


       

     

     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เนื่องจากบล็อกนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องราวการดำเนินงานของเทศบาล โปรดให้ข้อสังเกต คำแนะนำ หรือเติมเต็มองค์ความรู้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเมืองต่อไป