ศุภวารแต่ปลายพฤศจิกาเรื่อยมา ผืนนาที่เปล่งสีทองของรวงข้าวยามต้องแสงตะวันนับแต่ย่านดอนมะกอก หนองควายเขาหัก เนินฆ้อ คลองปูน ฯ ส่งสัญญาณสู่การเก็บเกี่ยวผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรง และจากธรรมชาติแห่งดิน น้ำ ฟ้าที่เมืองแกลง ป้อนสู่การเก็บข้าวเปลือกรอบใหม่ เพื่อรอเวลาให้เป็นข้าวเก่าพร้อมที่จะสีออกมาเป็นข้าวกล้องตรา "ข้าวแกลง" ขณะที่ข้าวเปลือกฤดูกาลเดิมก็ถูกลำเลียงเข้าเครื่องสีข้าวจนร่อยหรอลงเรื่อย ๆ
ดิน น้ำ ฟ้าที่ช่วยกันประคบประหงมต้นกล้าสู่เมล็ดข้าวมาสู่ชาวแกลงที่ลงแรงตกกล้า เป็นเรื่องมีรากจากการมีปฐพีสัณฐานด้านใกล้ชายทะเลเป็นที่ลุ่มต่ำดังเทวดาสร้าง เราจึงควรใส่ใจกับเรื่องอันว่าด้วยข้าว ที่ต้องกินกันวันละสามเวลาไปจนตลอดชีวิต อันเมืองที่ประกอบด้วยคนจำนวนมาก พึงต้องมีแหล่งผลิตไว้ประจำฐานด้วย ใช่แต่ทำงานไปแลกเงิน แล้วเอาเงินไปแลกข้าวที่ต้องขนส่งมาจากที่ไกล ๆ ตามสไตล์การพัฒนาเมืองที่ทอดทิ้งเรื่องความมั่นคงทางอาหารไปอย่างน่าสะพรึง
"เมื่อใดที่ไม่ดัดแปลงที่ดินให้ผิดไปจากภาคเกษตร สวนผลไม้ ยางพารา นาข้าว เมื่อนัั้นแกลงก็ยังเป็นของคนเมืองแกลงเป็นส่วนใหญ่...ยิ่งพึ่งพาดิน น่ำ ฟ้าลดลงเท่าใด แกลงก็เหมือนยิ่งใกล้จะขาดใจมากเท่านั้น"......
ช่วยกันอุดหนุน "ข้าวแกลง" เหมือนช่วยแปลงดิน น้ำ ฟ้า ให้เป็นเงินตราแก่ชาวนาบ้านเราให้มีรายได้ เพื่อขยายพื้นที่ปลูกข้าวออกไปให้เหมือนอดีตที่เคยเรืองรองมีข้าวส่งออกกันครับ ( พบ "ข้าวแกลง" ที่ตลาดกลางแกลงทุกวันพุธ และร้านจำหน่ายใกล้บ้าน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เนื่องจากบล็อกนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องราวการดำเนินงานของเทศบาล โปรดให้ข้อสังเกต คำแนะนำ หรือเติมเต็มองค์ความรู้เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเมืองต่อไป